วันที่ 10 ก.ค. 64 ที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้เป็นประธานในการนำคณะสงฆ์ จัดพิธีฌาปนกิจแบบเร่งด่วนให้กับผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังเป็นช่วงที่อยู่ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดอย่างหนัก ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเริ่มต้นในระรอกที่ 4 เนื่องจากมีสถิติตัวที่ ศบค. ได้มีการแถลงรายวันมีการติดเชื้อของประชาชนเข้าใกล้ 1 หมื่นรายและมีผู้เสียชีวิตใกล้หลัก 100 คน ต่อวัน ทำให้วัดไผ่ล้อม ซึ่งมีการจัดทำโครงการสวดเผาฟรีและเป็นวัดแรกๆ ที่ออกมาประกาศในการรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ระรอกแรก ซึ่งถึงตอนนี้มีการดำเนินการเผาศพเข้าสู่รายที่ 80 กว่าศพ และคาดว่าจะมีตัวเลขที่จะต้องมีการจัดพิธีการเผาอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วนมากขึ้น
โดยวันนี้พบว่าในช่วงการจัดพิธีการ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้เข้ามาเป็นผู้จัดระเบียบดำเนินการด้วยตัวเองเหมือนเช่นทุกศพที่ได้มีการจัดการมาก่อนหน้า ซึ่งยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยของญาติผู้เสียชีวิตคณะสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเผาศพ โดยเน้นการไม่รวมตัว การสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งขอให้เพิ่มระดับเป็นการสวมหน้ากาก 2 ชั้น การฆ่าเชื้อ และการวัดอุณหภูมิตามมาตรฐาน
แต่ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจในเรื่องการเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มียอดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มว่าจะมีตัวเลขเข้าสู่หลักร้อย กระทั่งมีสื่อหลายแห่งได้มีการนำเสนอเรื่องราวของการเผาศพในวัดแห่งหนึ่งที่มีการออกมาแจ้งว่าเริ่มเกิดปัญหาเนื่องจากต้องเผาศพที่ติดเชื้อ วันละนับสิบศพโดยต้องเปิดพัดลมช่วยเร่งกำลังไฟและมีการนำศพมาเรียงคิวเพื่อเตรียมกระบวนการเข้าสู่การเผา ทำให้เกิดความตระหนกในภาพและข้อมูลที่ปรากฏ โดยมีประชาชนหลายคนได้โทรมาที่วัดไผ่ล้อมว่ายังสามารถดำเนินการรับเผาศพไหวหรือไม่เนื่องจากจะนำญาติมาเผาที่วัดไผ่ล้อม รวมถึงมีประชาชนหลายคนโทรมาสอบถามเพราะเป็นห่วงในเรื่องนี้ ไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน
นางสาวชยุดา ทองแหวนอ่อน บุตรสาวของผู้เสียชีวิต ที่นำศพบิดามาทำพิธีที่วัดไผ่ล้อมบอกว่า บิดาเสียชีวิตหลังติดเชื้อที่โรงพยาบาลนครปฐม โดยได้เลือกขอมาทำพิธีที่วัดไผ่ล้อมเพราะดูจากสื่อว่าที่วัดไผ่ล้อมจัดพิธีได้ควบถ้วนทั้งการสวดพระอภิธรรม บังสุกุลรวมถึงกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย ในฐานะลูกก็พอใจที่ได้นำศพของบิดามาจัดทำที่วัดไผ่ล้อมและถือว่าที่วัดไผ่ล้อมทำได้ดีมาก
ด้าน นายบุญส่ง บุตรชุน อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่ประจำเมรุ วัดไผ่ล้อม บอกว่า ตนเองเผาศพที่เสียชีวิตด้วยการติดเชื้อและมาทำการเผาที่วัดไผ่ล้อมทุกศพ ซึ่งถือว่าช่วงนี้ศพเข้ามามากกว่าปกติ แต่ที่วัดไผ่ล้อมก็มีการดำเนินการตามกระบวนการทุกขั้นตอน คือเมื่อรับแจ้งว่าศพจะเข้าเราจะเตรียมสถานที่ทันที เมื่อศพมาถึงก็จะมีการฆ่าเชื้ออีกรอบนำขึ้นเตาเผาไม่มีการวางเรียงไว้รอด้านนอกเนื่องจากเป็นการป้องกันเชื้อแพร่กระจายไว้ก่อนซึ่ง 1 ศพจะใช้เวลาในการเผาราว 5 ชั่วโมง โดยปกติจะสามารถเผาได้วันละ 2 ศพสูงสุดคือ 3 ศพ มากกว่านี้เตาเผาจะรับไม่ไหว และเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีการเผาได้นับสิบศพต่อวัน แม้จะใช้ 2 เมรุ ซึ่งเตาเผาที่วัดไผ่ล้อมลูกนี้ ใช้มาแล้ว 15-16 ปี ไม่เคยมีปัญหาเพราะมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่หักโหมในการใช้งาน กระแสข่าวที่ว่ามีการเผาศพที่วัดวันละนับสิบศพ ตลอด 24 ชั่วโมงยิ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร
ด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า วันนี้วัดไผ่ล้อมก็ยังคงรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ทุกวัน ซึ่งคิวที่ได้รับการจองเมรุ ก็มีถึงวันอังคารนี้ จะเข้าสู่ศพที่ 80 กว่าๆแล้ว โดยเรายังทำหน้าที่ช่วยสงเคราะห์ญาติโยมเหมือนเดิม โดยมีกองทุนสวดเผาฟรี ของวัดไผ่ล้อมดำเนินการให้ ซึ่งรายที่ไม่มีโลงก็จะเดินการจัดหาโลงให้ฟรีด้วย ซึ่งวันนี้มีสื่อมวลชนและลูกศิษย์ติดต่อสอบถามถึงสถานการณ์ของวัดไผ่ล้อมว่าเป็นอย่างไร ต้องเผาศพมากถึงวันละนับสิบศพด้วยหรือไม่ อาตมาก็บอกว่าเป็นไปตามปกติที่ดำเนินการ ไม่มีการเผามากถึงขนาดนั้น เพราะเมรุของวัดไผ่ล้อมนั้นเป็นเมรุระบบน้ำมัน ที่ปลอดมลพิษ ซึ่งมีคุณภาพสูง หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า การเผาศพแต่ละศพต้องดำเนินการ เผาราว 5-6 ชั่วโมง แบ่งออกเป็นเผาศพ 2 ชั่วโมง และพักเตาอีก 3 ชั่วโมง ก่อนจะเตรียมเผาอีกศพต่อไป เช่นศพแรกเผา 10 โมงเช้า จะเริ่มจริงก็ 10.30 น. กว่าจะเผาจบเก็บอัฐิและพักเตาก็ราว 15.30 น. จะเผาอีกศพก็ต้องเป็นเวลา 16.00 น. ซึ่งที่วัดก็ทำแบบนี้ทุกวัน โดยหากวันไหนเผา 3 ศพก็จะไปเริ่มเวลา 22.00 น. เสร็จก็ราว 04.00 น. เราทำได้เท่านี้จริงๆ ซึ่งเต็มกำลังของเตาเผาและเมรุ รวมถึงกำลังของเจ้าหน้าที่ และทางวัดไผ่ล้อมไม่มีการนำศพหลายๆศพมาตั้งรอเรียงเข้าเตาเผาเพราะสุ่มเสี่ยงให้เชื้อกระจาย ศพแต่ละศพต้องได้รับการนำมาส่งและขึ้นเตาเผาเลยโดยเวลา ทั้งหมดก็ทำได้สูงสุดแค่ 3 ศพเท่านั้น
“อาตมาไม่เชื่อว่าจะมีเมรุชนิดใดที่สามารถเผาศพได้ถึง 10 ศพต่อวัน เพราะเผาแล้วต้องพักเตาเผาให้คลายความร้อนกระแสข่าวและข้อสงสัยที่ทำให้ประชาชนตกใจว่าต้องเร่งแบบนี้ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่กรณีที่มีวัดหลักเป็นศูนย์กลางที่รับจำนวนศพเข้ามาแล้วประสานกระจายไปเผายังวัดอื่นๆ อันนี้เป็นไปได้ ซึ่งวัดไผ่ล้อมยังคงจัดพิธีการให้ฟรีทุกกระบวนการหากญาติร้องขอมาที่กองทุนสวดเผาฟรี และไม่มีการประกาศเรี่ยรายใดใดเพื่อนำปัจจัยเข้าวัด เพียงแต่มีผู้ใจบุญที่พร้อมจะร่วมบุญก็จะขอแจ้งเข้ามา ซึ่งเคยให้บัญชีเอาไว้ แต่ตอนนี้กองทุนก็ยังมีพอให้เผาศพได้อยู่ ขอให้ญาติโยมสบายใจเรื่องนี้ได้” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย