อธิบดี พช. ออกมาตรการขยายเวลาพักชำระหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระลอกใหม่ต่อเนื่องอีก 12 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสมาชิกลูกหนี้ ฝ่าวิกฤติโรคระบาด(โควิด-19) ให้กับกลุ่มสตรีทั่วประเทศ
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่ากรมการพัฒนาชุมชน ได้เร่งออกมาตรการขยายระยะเวลาประกาศพักชำระหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นระยะเวลา 12 เดือน ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกที่เป็นลูกหนี้กองทุนฯ ตามเกณฑ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 2019) ระลอกใหม่ จากการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกลูกหนี้ที่กู้ยืมเงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ทั้งนี้สืบเนื่องจากการออกมาตรการขยายเวลาพักชำระหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ฉบับที่ 1 ประกาศ เรื่อง มาตรการชั่วคราว : พักชำระหนี้ ให้แก่สมาชิกลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ที่มีหนี้หรือหนี้ค้างชำระที่ถึงกำหนดชำระในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 เป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างการพักชำระหนี้ ทั้งดอกเบี้ยตามสัญญาดอกเบี้ยผิดนัด และเบี้ยปรับ โดยมีผู้เข้าร่วมการพักชำระหนี้ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ฉบับที่ 1 จำนวน 20,214 โครงการ และมีสมาชิกได้รับผลประโยชน์มากถึงจำนวน 98,742 กลุ่ม (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2563)
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่นี้และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม การประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน ทำให้กิจการ ร้านค้าต่างๆ เกิดการเลิกจ้าง ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ย่อมส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตามมา ดังนั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระและช่วยเหลือสมาชิกในการชะลอการชำระหนี้ อีกทั้งการจะทำให้กลุ่มสตรีมีความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติเช่นนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงมีมติเห็นชอบประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เรื่อง มาตรการชั่วคราว : พักชำระหนี้ให้แก่สมาชิกลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 2)
โดยผู้ที่เป็นสมาชิกลูกหนี้รายเดิมที่เคยใช้สิทธิพักชำระหนี้ ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 จะขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ต่อไปอีก 12 เดือน และ กรณีสมาชิกลูกหนี้ที่ยังมิได้ใช้สิทธิพักชำระหนี้ ซึ่งมีหนี้หรือหนี้ค้างชำระที่ถึงกำหนดชำระในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 จะพิจารณาดำเนินการพักชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 12 เดือน ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ยตามสัญญา ดอกเบี้ยผิดนัด และเบี้ยปรับ (ถ้ามี) ทั้งงวดที่ค้างชำระก่อนหน้า และงวดที่อยู่ระหว่างการพักชำระหนี้จนกว่าจะครบระยะเวลาการพักชำระหนี้ การพักชำระหนี้ตามประกาศนี้ จะไม่ตัดสิทธิสมาชิกลูกหนี้ในการชำระหนี้คืนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในระหว่างการพักชำระหนี้นั้น หากลูกหนี้รายใดประสงค์ขอรับความช่วยเหลือตามประกาศนี้ ให้ยื่นเรื่อง ณ สำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอำเภอ/สำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกรุงเทพมหานคร ที่สมาชิกได้ยื่นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศ อนึ่งการพักชำระหนี้ตามประกาศนี้ ไม่รวมถึงลูกหนี้ที่ได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการว่าต่างและที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในชั้นศาลและหนี้ที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว และหวังว่ามาตรการนี้จะสามารถประคับประคองให้ทุกท่านผ่านพ้นภาวะวิกฤตินี้ไปได้
ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ฝากถึงมาตรการขยายระยะเวลาประกาศพักชำระหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีใน ระลอกใหม่นี้ โดยเน้นย้ำ ให้สมาชิกลูกหนี้ที่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือในการพักชำระหนี้ ขอให้มาแสดงความจำนงในการพักชำระหนี้ โดยสามารถยื่นเรื่องได้ ณ สำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอำเภอ/สำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกรุงเทพมหานครที่สมาชิกได้ยื่นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศ ซึ่งการพักชำระหนี้ของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้นจะหยุดทั้งเงินต้น ดอกเบี้ยตามสัญญา ดอกเบี้ยผิดนัด และเบี้ยปรับ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับสมาชิกลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั่วประเทศต่อไป อธิบดี พช. กล่าว