เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2564 เวลา 16.00 น. ที่ ฌาปณสถานวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม วัดไผ่ล้อม รับศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาเผาเป็นศพที่ 2 ในช่วง การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา โควิด-19 ซึ่งนำมาจากจังหวัดสมุทรสาคร คือนายประธาน เสนคะ อายุ56 ปี มีอาชีพเป็น รปภ.อยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อคืนนี้ ด้วยอาการป่วย ซึ่งใบมรณบัตร แจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ว่า ปอดอักเสบติดเชื้อโควิด-19 และเมื่อเช้าวันนี้ทางญาติได้ติดต่อวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ก็ไม่ได้รับความสะดวก จึงนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นในข่าวว่าทางวัดไผ่ล้อม ที่ทางพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม รับสวด เผา ฟรี รวมทั้งรับเผาศพผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จึงได้หาเบอร์ติดต่อมาทางวัดไผ่ล้อม ในตอนบ่ายวันนี้ก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพี่น้ำฝน ว่าให้นำศพมาเผาได้เลย พร้อมทั้งประสานทีมสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ร่วมลงพื้นที่ดูความเรียบร้อย ซึ่งวัดไผ่ล้อมได้เคยเผาศพโควิดมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีมาตรฐานเป็นต้นแบบของวัดทั่วประเทศไทย ตามกฎของสาธารณสุข
จากการสอบถามนางสาวกาญจนา เสนคะ อยู่บ้านเลขที่ 5/5 ม.1 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน. จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็น น้องสาวผู้เสียชีวิต ได้กล่าวว่า นายประธาน ได้มีอาการเส้นเลือดในสมองแตกและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร เมื่อวันที่17ธันวาคม 2563 รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู จนอาการเริ่มดีขึ้นแต่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวันที่ 13มกราคม2564 และได้เกิดอาการผิดปกติ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกระทุ่มแบน เมื่อวันที่ 22มกราคม2564 และได้เสียชีวิตลงด้วยอาการปอดอักเสบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเวลา23.00น. วันที่25มกราคม2564
เมื่อรถมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิต ที่บรรจุในโลงที่มีการซีนป้องกันเชื้อโรคมาเป็นอย่างดี เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบได้สวมชุดคลุม PPE ป้องกันร่างกายมีการนำน้ำยาฆ่าเชื้อฉีดที่โลงศพซึ่งภายในได้แพ๊คบรรจุด้วยการฆ่าเชื้อตามกระบวนการทางการแพทย์ ขึ้นสู่เตาเผา โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรคและเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ที่เดินทางมาช่วยประสานการเตรียมความพร้อมต่างๆ โดยมีคณะสงฆ์ ทำการ สวดอภิธรรม สวดบังสุกุล บทเจ็ดพระคัมภีร์ จากนั้น หลวงพี่น้ำฝนเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการวางดอกไม้จันทน์ และเริ่มพิธีการเผาอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ
ทางด้านหลวงพี่น้ำฝนได้กล่าว่า ได้รับการประสานมาเมื่อตอนเกือบๆบ่ายโมงของวันนี้คือขอมาทำพิธีฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อมก็ได้รับรายงานว่าคนที่แจ้งว่าผู้ที่เสียชีวิต เสียชีวิตจากโรงพยาบาลกระทุ่มแบนและได้รับการติดต่อมาเพื่อจะทำพิธีฌาปนกิจกันร่วมบ่ายโมงแล้วนั้นเอง ซึ่งญาติได้นำใบมรณบัตรและบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตในการทำพิธีฌาปนกิจคือวัดไผ่ล้อมได้เปิดประชาสัมพันธ์ไปว่ายินดีที่จะทำพิธีฌาปนกิจไม่ว่าท่านจะเสียชีวิตด้วยเรื่องใดขอให้มีใบมรณบัตรมาบัตรประชาชนผู้ตายบัตร ประชาชนของญาติผู้ที่มาติดต่อในการที่จะมาทำฌาปนกิจวัดไผ่ล้อมยินดีที่จะทำฌาปนกิจให้ทั่วประเทศ โดยที่จะไม่มีการรังเกียจว่าท่านเป็นโรคอะไรมา ซึ่งอันนี้เป็นโครงการอยู่ในโครงการของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อยู่แล้วซึ่งโครงการนี้ชื่อว่าโครงการสวดเผาฟรี ญาติโยมทั้งหลายจะมีปัจจัยหรือไม่มีปัจจัย วัดไผ่ล้อมยินดีที่จะทำพิธีในการฌาปนกิจศพให้อยู่แล้วนั่นเอง และอย่างที่บอกการดูแลรักษาสิ่งที่จะเผาศพหรือเตาเผาศพถ้าเราไม่ดูแลรักษาบำรุงไม่ได้ ต้องดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลามันก็เปรียบเสมือนรถถ้าท่านไม่ดูแลรักษารถ รถก็จะเสียและพังไม่ต้องรอให้พังเราต้องดูแลก่อนให้ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ไม่ใช่พอถึงเวลาเดือดร้อนมาก็เกิดใช้ไม่ได้ตรงนี้สำคัญที่สุด. ในการสงเคราะห์ศพไม่ว่าจะป่วยตายหรือศพไร้ญาติหรือป่วยโควิด ซึ่งอาตมภาพก็ได้ตามรอยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลสิ่งไหนที่จะช่วยเหลือสังคมโดยเฉพาะคำว่าสาธารณะสงเคราะห์นั่นเป็นหลักเป็นเป้าหมายของกลุ่มคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมและคณะสงฆ์ทั่วประเทศควรพร้อมใจกันในการที่จะช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในการที่จะสงเคราะห์ญาติโยมให้ได้รับในกำลังใจในการที่จะดำเนินชีวิตสืบต่อไปและการเผาศพโควิดครั้งนี้เป็นศพที่สองตั้งแต่มีการระบาดของโรค โควิด-19 และก็ไม่อยากให้ได้เยอะศพนี้เป็นศพที่สองที่ติดต่อเข้ามาและไม่ได้อยู่ในเขตวัดในจังหวัดนครปฐมเป็นเขตจังหวัดอื่นทั้งนั้นที่จะติดต่อเข้ามาศพที่แล้วก็มาจากโรงพยาบาลที่จังหวัดสมุทรปราการศพนี้ก็มาจากจังหวัดสมุทรสาครนั่นเองดังนั้นถึงได้บอกว่าเราพร้อมยินดีที่จะสงเคราะห์ให้กับญาติโยมนั่นเอง
นายแพทย์ วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ได้กล่าวว่า ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมโดยหลวงพี่น้ำฝนได้ประสานมาทางกลับสาธารณสุขจังหวัดว่ามีศพผู้ป่วยจากโรงพยาบาลกระทุ่มแบน ซึ่งยืนยันแล้วว่าเป็นผู้ป่วยโควิดและทางวัดที่จังหวัดสมุทรสาครไม่ยินดีรับในการฌาปณกิจผู้ป่วยโควิด ทางหลวงพี่น้ำฝนซึ่งไม่ให้ญาติผู้ป่วยที่เสียใจอยู่แล้วจะต้องมาเสียใจมากขึ้นในเรื่องของการฌาปนกิจ ทางหลวงพี่น้ำฝนก็ได้มีการนำศพผู้ป่วยโควิดมาเผาไปแล้วครั้ง หนึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดก็คงเข้ามาดูเนื่องจากว่าการฌาปนกิจศพโควิดของเรามีมาตรฐานอยู่แล้ว จะมีการซีลล์อยู่แล้วและในเรื่องของการเผาอะไรนี่ไม่มีความเสี่ยงเลยเพราะว่าโควิดมันเป็นโรคที่ชอบความเย็นมันโดนความร้อนเชื้อก็จะตายหมดอยู่แล้วและเวลาที่เป็นศพที่ไม่หายใจปกติก็จะไม่แพร่เชื้อเพราะเชื้อ มันจะไปกับการไอ การจามและเค้ามีการซีลล์การแพคเก็บอย่างดีไม่มีปัญหาก็อยากจะฝากไว้ให้ทางทางวัดหรือในส่วนที่เกี่ยวกับการทำพิธีกรรมในเรื่องของศพคิดว่าไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยสามารถทำได้จริงๆในเรื่องของอันนี้ ทางสาธารณสุขก็ได้ออกคู่มืออยู่แล้วในเรื่องของการฌาปนกิจในเรื่องของการเผาศพและยังแนะนำให้เผาไม่แนะนำให้ฝังเพราะกลัวเรื่องเชื้อโรคอยู่แล้วในส่วนของสถานการณ์ตอนนี้ของจังหวัดนครปฐมก็ไม่มีผู้ป่วยมาเป็นวันที่ 18 แล้วแต่ว่าเนื่องจากสถานการณ์ของจังหวัดสมุทรสาครยังอยู่ในสถานการณ์ ที่ควบคุมโรคไม่ได้ตอนนี้ก็คือเราเฝ้าระวังเรื่องของแรงงานเพราะว่าได้บทเรียนมาจากจังหวัดข้างเคียงคือจังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสงครามเพราะว่ามีการติดเชื้อในแรงงานที่ทำงานที่จังหวัดสมุทรสาครตอนนี้ของเราก็คือจะให้ออกประกาศจังหวัดในการขึ้นทะเบียนแรงงานที่เดินทางไปทำงานในจังหวัดสมุทรสาครรวมทั้ง คนจังหวัดสมุทรสาครที่มาทำงานในจังหวัดนครปฐมและก็จะมีมาตรการเช่นการสุ่มตรวจหาเชื้อเป็นระยะระยะและก็แนะนำว่าการปฎิบัติตัวถ้าเกิดต้องไปทำงานจริงเพราะเกี่ยวกับเรื่องของของงานซึ่งตอนแรกจะงดให้ไม่ไปทำแต่ทางโรงงานเองก็แจ้งว่ามีความจำเป็นถ้าเกิดว่าไม่สามารถทำต่อได้เขาก็จะไม่จ้าง ระยะยาวดังนั้นจึงมีความจำเป็นทางด้านอาชีพแต่ถ้ากลับมาก็ต้องมีการดูแลตัวเอง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งทางจังหวัดได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อไปเมื่อวานเรื่องของการเปิดเรียนเพราะฉะนั้นเราก็พิจารณาโรงเรียนเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยงเลยคือกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเด็กต่างจังหวัดไม่มีอะไรเลยสามารถทำการรักษาระยะได้ พวกนี้เองก็จะไม่มีการเพ่งเล็งอะไรมากประมาณกลางๆ สองเป็นโรงเรียนที่เสี่ยงเช่นโรงเรียนรอยต่อโรงเรียนประจำหรือโรงเรียนที่เป็นที่ดึงดูดเด็กจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนพวกนี้เองก็ต้องมาประเมินความเสี่ยงเช่นว่าถ้าเป็นโรงเรียนรอยต่อไม่สามารถซีลล์ได้ยังมีเด็กไปมาถ้าไม่จำเป็นไม่สามารถเปิดได้ก็จะไม่ให้เปิดถ้าเปิดบางโรงเรียน ต้องว่าเป็นโรงเรียนในสถานศึกษาส่วนหนึ่งอีกส่วนนึงจำเป็นจะต้องเรียนออนไลน์เช่นโรงเรียนที่เป็นที่นิยมที่มีเด็กจากสมุทรสาครเข้ามาเรียนจึงต้องให้เด็กที่สมุทรสาครนี่เรียนทางออนไลน์ซึ่งไม่อาจสามารถจะเปิดได้หมดอันนี้เป็นเบื้องต้นและจะต้องนำเข้าพิจารณาคณะกรรมการโรคติดต่อเป็นรายรายๆไปโรงเรียนเลยต้องมีแผนเช่นโรงเรียนประจำคุณจะแยกเด็กออกไว้ยังไงจังหวัดนครปฐมก็มีโรงเรียนประจำหลายแห่งก็คงใช้มาตรการคล้ายๆของโรงเรียนในร้อยตำรวที่เข้มหน่อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม กล่าว