วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 17.56 น. ที่ร้านครัว ดงตาล ณ รำเพย ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พันตำรวจเอก ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการ วิทยาลัยการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา ในฐานะประธาน ชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน ตํารวจแห่งชาติ และศิลปิน ผู้ประพันธ์ผู้ร้อง ในนามไก่ไอดิน พร้อมทีมงาน ร่วมแถลงข่าวเชิญชวนชาวจังหวัดนนทบุรี และประชาชนทั่วไป ร่วมชมบทกวีสู่บทเพลงปลุกจิตสำนึกให้รักชาติ จากใจผู้พิทักษ์ “คัมภีร์แผ่นดิน”โดยศิลปิน ไก่ไอดิน และทีมศิลปินนักร้องในทีมงาน ในวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 อาคารสโมสร สถาบันวิชาการ ทีโอที ถนนงามวงศ์วาน ซ.งามวงศ์วาน17 อ.เมือง จ.นนทบุรี ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น
บทเพลงบทกวีสู่บทเพลงปลุกจิตสำนึกให้รักชาติ จากใจผู้พิทักษ์ “คัมภีร์แผ่นดิน”และอีกหลายผลงานเพลงที่ ประพันธ์เนื้อร้อง ทำนองและเรียบเรียงเสียงดนตรี โดย พันตำรวจเอก ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการวิทยาลัยการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา ประธานชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ เป็นบทเพลงปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทุกคน รักชาติ รักแผ่นดิน รักสถาบันฯ การเผยแพร่บทเพลงครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ผลงานเพลงและการแสดงตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ ต่อสาธารณชน นำรายได้ช่วยเหลือเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกาปฏิบัติหน้าที่ และสนับสนุนหน่วยงานต่างๆที่ขาดแคลนตามแต่ ร้องขอมา
สำหรับความเป็นมาของการก่อตั้งชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ สืบเนื่องจากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำแผนพัฒนา พ.ศ. 2550 – 2554 โดยให้ข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติ ซึ่งหนึ่งในแผนพัฒนานั้นกำหนดให้ตำรวจทำโครงการต่างๆ ในแต่ละด้าน ซึ่งขณะนั้น พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ยังมียศแค่ พ.ต.ท.และดำรงตำแหน่ง เพียงสารวัตรใหญ่ สภ.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้ทำโครงการตามแผนชื่อ “โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน” ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยนำลิขสิทธิ์เพลงของตัวเองมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนตามสิทธิแห่งกฎหมาย (พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ ประกอบกับสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) อีกทั้ง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติกำหนดอำนาจหน้าที่ของตำรวจไว้ ตาม ม.6(7) ว่าการปฏิบัติการอื่นใดเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้การปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ตาม(3) ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดอาญา… ฯลฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและกฎ ก.ตร. ว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจในส่วนคุณธรรม ค่านิยมหลัก และอุดมคติของตำรวจ กำหนดให้ข้าราชการตำรวจ ต้องยึดถือคุณธรรมสี่ประการตามพระบรมราโชวาทเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งในการประพฤติตน และปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหนึ่งในสี่ประการนั้น ได้ให้ข้าราชการตำรวจต้องรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง
“โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน”จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทางชมรมฯได้ดำเนินการตามมาโดยตลอด เพื่อนำรายได้ที่ชอบด้วยกฎหมายของตน มาสร้างประโยชน์แก่บ้านเมืองเรื่อยมา จนกระทั่งสิ้นสุดห้วงเวลาของแผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือ พ.ศ. 2554 ปรากฏว่ามีหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีความศรัทธาถึงการช่วยเหลือของโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนฯโดยมีหนังสือร้องขอ เพื่อขอรับการสนับสนุนให้ช่วยเหลือด้านงบประมาณ ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านงานป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง “โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน” จึงได้เปลี่ยนมาเป็น “ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ”ในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน“ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ” ได้ดำเนินการต่อโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งขณะนั้น ตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบตามหนังสือ ภ.7 ที่ 0022.152 / 4447 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับทราบตามหนังสือเลขรับที่ 48518 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2553 และกองสารนิเทศ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ทางสื่อที่รับผิดชอบ จน “ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ” เป็นที่รู้จักในหมู่ข้าราชการตำรวจทั่วๆ ไป และเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม จนกระทั่ง ประธานชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ คือ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ซึ่งเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรเพียงนายเดียวที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เข้ารับรางวัล “ทำดีติดดาว” ในปี พ.ศ. 2554 สุดยอดตำรวจภาค7 จากจเรตำรวจ และอื่นๆ และหลังจากได้รับรางวัลก็ได้ทำประโยชน์ให้แก่สังคมเรื่อยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ กล่าวเสริมว่า สำหรับภารกิจของชมรมฯ ในการสนับสนุนงานป้องกันปราบปรามให้หน่วยงาน ในสังกัดต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้มีประสิทธิภาพนั้น โดยตนได้มอบงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ตามที่ได้รับการร้องขอให้การสนับสนุนสถานีตำรวจต่างๆ / ภ.จว. ต่างๆ อาทิ เช่น เสื้อกันกระสุน อุปกรณ์การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ช่วยเหลือข้าราชการตำรวจในโอกาสต่างๆ สนับสนุนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด โดยเติมกองทุนแม่ของแผ่นดินให้กับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จังหวัดละ 30,000 บาท และสนับสนุนโครงการ D.A.R.E. ให้กับตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศแห่งละ 50,000 บาท ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วหลายแห่งโดยชมรมฯ มีแผนงานที่จะดำเนินการให้ครบทุกแห่งทั่วประเทศในโอกาสต่อๆ ไป
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า จากการที่ชมรมได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองเรื่อยมาอีกทั้งสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือ ที่ นร. 0409/7604 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ขอความร่วมมือไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เผยแพร่บทเพลงของชมรมฯ ไปสู่สาธารณชน อย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นบทเพลงแสดงความจงรักภักดี ต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ และปลุกจิตสำนึกรักชาติ และเชิญชวนให้ประชาชนรับชม-ฟังบทเพลง “แผ่นดินของพ่อ” ผ่านทางยูทูป “ทำเนียบรัฐบาล” หรือ www.thaigov.go.th
อีกทั้งปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ได้มีประกาศระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดระบบการบริหาร การปฏิบัติงาน ด้านการป้องกันและปราบปรามฯ พ.ศ.2559 มีผล 16 กันยายน 2559 ให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หัวหน้าสถานีตำรวจ มีหน้าที่เชิญ องค์กรภาคเอกชน ซึ่งหมายความรวมถึงชมรมด้วย มาร่วมให้ข้อคิดเห็นในเรื่องนโยบาย แผน หรือโครงการตามภารกิจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอาจขอรับการสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ ครุภัณฑ์ หรืออื่นๆ จากองค์กรภาคเอกชน (หมายถึงชมรมด้วย) ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้หน่วยงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ และ สิ่งของอื่นๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
ชมรมฯจัดกิจกรรมในรูปแบบ นำแผ่นซีดีเพลงลิขสิทธิ์ของชมรม ออกจำหน่าย และเผยแพร่บทเพลงต่อสาธารณชนโดยจัดจำหน่ายบัตร ในกิจกรรมคอนเสิร์ต จากใจผู้พิทักษ์ รักเธอแผ่นดิน , คอนเสิร์ต “เป็นตำรวจ” อธิษฐาน ขอเป็นข้าผ่านดิน” ซึ่งเป็นการจัดหารายได้ โดยชอบด้วยกฎหมายอันมิใช่การเรี่ยไร มิได้ขอรับการบริจาค ตามลิขสิทธิ์แห่งกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองต่อไป ด้วยเหตุและผลอีกทั้งสิทธิตามกฎหมายต่างๆ ที่ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ จึงขอประชาสัมพันธ์ การดำเนินการของชมรมฯ มาให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน และขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมตามวันและเวลาดังกล่าว.