เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน วันเกิดของคนเรา ปกติแล้วเราก็ไม่อาจคำนวณได้แน่ชัด รู้แต่ว่าคนเราตั้งครรภ์แล้วก็นับไปเก้าเดือน ทว่าถ้าว่าตามตรงแล้ว สมัยนี้ก็พอจะรู้ได้ เพราะบางคนอยากให้ลูกมีดวงชะตาที่ดี ก็เลือกนัดหมอให้ผ่าคลอดในวัน หรือแม้แต่เวลาตกฟากที่ดี เรียกได้ว่าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้คนเราเลือกกำหนดได้แม้กระทั่งวันคลอด เวลาคลอด แต่พอเป็นเรื่องตาย ไม่มีใครรู้ได้ทั้งนั้นว่าใครจะตายเมื่อใด เวลาใด แม้ผู้ที่ป่วยหนักก็จะมีสัญญาณเตือนแค่ไม่กี่ชั่วโมง และมันมักจะเป็นดังคำกลอนสนุก ๆ ที่มีผู้แต่งไว้ว่า “อันคนเราไม่ถึงคราวตายวายชีวาวาตม์ ใครพิฆาตเข่นฆ่า ไม่อาสัญ พอถึงคราวตายก็ต้องวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย” เรียกได้ว่าคนเรานั้น ถ้าถึงคราวจะตาย ซึ่งก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้แล้วนั้น ยังไงก็ต้องตาย แม้สาเหตุ หรือเหตุปัจจัยต่าง ๆ ชวนให้นึกคิดว่า ไม่น่าตาย แต่ก็ตาย
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้คนทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่าจะเพศใด อาชีพใด อยู่ที่ไหน สถานะใด ไม่มีใครรู้วันตายของตนเองล่วงหน้าเลย ถ้าจะรู้ ก็อาจชั่วเวลาเดียวเท่านั้นก่อนจะตาย ซึ่งความตายนั้นเป็นมารอย่างหนึ่ง เรียกว่า มัจจุมาร คือมารที่เอาชีวิตของคนเราไป มารตัวนี้ท่านว่าเป็นเครื่องขัดขวางการทำความดีของคนเรา เพราะคนเราทำความดีได้ก็แค่ตอนเกิดเป็นมนุษย์ แม้เกิดเป็นเทวดาหรือสัตว์เดรัจฉานก็ทำความดีไม่ได้ เมื่อตายก็หมดโอกาสทำความดี ต้องปล่อยให้บุญทำ กรรมแต่งของตนพาไปเกิดใหม่ในที่ต่าง ๆ จึงเป็นที่น่าเสียดายหากใครสักคนหนึ่งต้องตายเมื่อยังไม่ถึงเวลา หรือตายเสียตอนยังไม่เตรียมตัวตาย
เมื่อไม่นานมานี้อาตมาสูญเสียหลานชายไปคนหนึ่ง อาตมาขอออกชื่อแล้วกันว่าชื่อเน็ต นายเสรีวัฒน์ สุนทรสุวรรณ เน็ตเป็นลูกของพี่ชายอาตมา แต่พ่อของเน็ตจากไปตั้งแต่เน็ตยังเล็กมาก ตั้งแต่ปี 2550 อาตมาจึงส่งเสียเน็ตตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล โดยเนื้อแท้แล้วเน็ตเป็นคนที่มีนิสัยดี เสียที่เป็นคนดื้อรั้น ชอบเฉไฉไปในทางที่ผิด อาตมาจึงต้องรับบทเป็นผู้อบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีสมดังเนื้อแท้ของเขา โดยตอนเรียนมัธยมนั้น เน็ตดันไปคบกับเพื่อนไม่ดี นำพาไปหาผิดจนแทบจะเสียคน อาตมาเห็นว่าหากปล่อยไว้คงมิพ้นเป็นคนเกเร อาตมาจึงให้ออกจากโรงเรียน เปลี่ยนสังคมรอบตัว ให้มาตั้งต้นอบรมบ่มนิสัยกันเสียใหม่ ถือคติว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก อาตมาจึงให้เน็ตบวชเป็นสามเณร ให้มีศีลาจารวัตรกำกับอยู่ แล้วต่อมาอาตมาก็ส่งไปเรียนถึงอินเดีย ที่เมืองธรรมศาลา รัฐหิมาจัลประเทศ ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่ประทับของท่านดาไลลามะ ประชากรส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด บรรยากาศเงียบสงบ และทำให้เน็ตสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ อินเดียนั้นเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว จึงทำให้เน็ตได้อยู่ในสังคมที่เอื้อต่อการบ่มเพาะสิ่งดีในดวงใจ เมื่อกลับมาอาตมาก็ให้เน็ตได้ทำงานกับอาตมาที่วัด ซึ่งเนื้อแท้ของเน็ตนั้นเป็นคนเก่ง เรียนรู้งานได้เร็ว ทั้งงานตัดต่อภาพ และวีดีโอ ได้คุมการถ่ายทอดสดกิจกรรมต่าง ๆ ของวัดโดยเป็นคนคุมกล้อง ซึ่งทำได้ดี การถ่ายทอดสดกิจกรรมที่ผ่านมาของทางวัดไผ่ล้อมนั้นก็เป็นฝีมือของเน็ตเขาแหละ เน็ตกลายเป็นเด็กดี มีจริยามารยาทที่ดี พอถึงปีนี้อายุจะครบบวชแล้ว อาตมาก็ตั้งใจว่าจะให้เน็ตอุปสมบท บรรลุถึงหน้าที่ชายไทย ตั้งใจว่าจะให้บวชในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
แต่อนิจจา ชะตาขาด ต้องจากไปเสียก่อน
แสนเสียดาย วันนั้น เน็ตขับรถจักรยานยนต์ ประสบอุบัติเหตุตกคลอง รุนแรงถึงขั้นหมดสติ คนหมดสติจมน้ำ ก็ถึงแก่ชีวิต เป็นการจากไปอย่างกะทันหัน ไม่มีใครตั้งตัว สร้างความเสียใจแก่อาตมา ครอบครัวสุนทรสุวรรณ และผู้ร่วมงานในวัดไผ่ล้อมเป็นอย่างยิ่ง อาตมาก็เพิ่งจัดพิธีศพ ได้ฌาปนกิจศพไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง เลี้ยงดูมาแต่ยังเล็ก สุดท้ายก็เหลือเพียงเถ้าอัฐิให้ระลึกถึงแต่เพียงนั้น
คนเราหนอคนเรา พอถึงคราวหมดบุญจะอยู่ ก็ต้องลาโลกนี้ไป ชวนให้คำนึงธรรมสังเวช ว่าความตายของคนเรานี้หนอ เป็นของธรรมดา และมาเมื่อใดก็ไปเมื่อนั้น มักไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ พญามารท่านเอาไปไม่กลับคืน มัจจุมารตัวนี้ร้ายกาจนัก เราทุกคน อาตมา โยม ก็มีมัจจุมารเดินตามหลังอยู่ มันจะกระชากคอเราให้ลาโลกนี้ไปเมื่อใดก็ได้ ฉะนั้นอาตมาจึงอยากให้ทุกคนนั้นพึงระลึกถึงมัจจุมารตนนี้ไว้เสมอ เรียกว่า ปลงมรณานุสสติ ระลึกถึงความตายที่จะเกิดแก่ตัวเราและคนรอบตัว ว่าเกิดมีขึ้นได้เสมอ เมื่อเกิดแล้วย่อมทำให้เกิดความทุกข์จากความพลัดพราก เมื่อเกิดแล้วย่อมพรากโอกาสการทำความดีของเราไป เช่นเดียวกับเน็ตที่อาตมาอบรมบ่มนิสัยให้มีใจขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้คุณคน เติบใหญ่กลายเป็นคนดี แต่น่าเสียดายมากที่มัจจุมารได้พาตัวเขาไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ เป็นเด็กหนุ่มคนดีที่อาตมาสร้างขึ้น แม้จะยากแต่ก็สามารถทำได้ ยังควรจะมีโอกาสได้ทำคุณงามความดีอะไรอีกมากมายต่อตนเองและผู้อื่น แต่มัจจุมารมันไม่สนใจหรอกว่าใครเป็นใคร ใครถึงเกณฑ์มันก็เอาไป ซึ่งเกณฑ์นี้เราไม่มีทางรู้ได้เลย
เมื่อเราไม่มีทางจะรู้เกณฑ์ว่าได้มัจจุมารจะเอาตัวเราไปเมื่อใด สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ เติมเสบียงบุญให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน บุญทั้งสามทาง ทั้งทางกาย วาจา และใจ บุญทั้งทางทาน ศีล ภาวนา ให้ปฏิบัติอย่าให้ขาด เพื่อให้เรามั่นใจว่าเสบียงบุญของเราจะมีพอ มิใช่ว่าเพื่อหนีความตาย แต่เพื่อชีวิตของเราในทุก ๆ วัน เพื่อปัจจุบันของเรา และเพื่อเมื่อถึงเวลาของมัจจุมารแล้ว เราจะมีเสบียงไว้เดินทางต่อไปในเส้นทางที่เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะไปไหน แต่เรามั่นใจว่าเรามี และเพื่อจิตสุดท้ายของเราจะเป็นสุข ไม่หวาดกลัวหวั่นไหวใด ๆ อาตมาคงจะมีโอกาสได้เขียนถึงความตายอีกในโอกาสต่อไป ซึ่งอาตมาอยากให้ญาติโยมทั้งหลายสังวรให้มาก อย่าใช้ชีวิตด้วยความกลัวตาย แต่ใช้ชีวิตโดยเผชิญความตายอย่างมั่นคง
อาตมาขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายนี้แก่นายเสรีวัฒน์ สุนทรสุวรรณ หรือเน็ต ผู้เป็นหลานชาย ขอให้เน็ตจงมีความสุขในสุคติภพเบื้องหน้า เทอญ
ขอเจริญพร