วันที่ (24 ธันวาคม 2562) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมการสร้างการรับรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทย และมอบวัสดุแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม 20 ชุดโดยมี ผู้ตรวจราชการกรม ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศูนย์ พัฒนาการจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน ผู้บริหารโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) สื่อมวลชน ร่วมพิธีฯ ณ บ้านพุแค หมู่ที่ ๑ ตำบลพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า “กรมการพัฒนาชุมชน เล็งเห็นความสำคัญของสตรีที่ประสบปัญหาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว โรงงานใหญ่หลายแห่งปิดตัวลง คนงานถูกปลด ปัญหาคนว่างงาน ซึ่งในจำนวนคนว่างงานดังกล่าว มีสตรีที่เป็นคนต่างจังหวัดที่ต้องเปลี่ยนชีวิตจากคนทำงานโรงงาน เป็นคนตกงาน ไม่มีอาชีพไม่มีรายได้ กอรปกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายให้กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้สตรีมีศักยภาพ มีทางเลือก มีอาชีพ และรายได้ สามารถทำงานอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน ไม่ต้องไปทำงานรับจ้างในกรุงเทพมหานคร หรือเมืองท่องเที่ยวต่างๆ กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทยเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจให้แก่สตรี และกำหนดให้มีกิจกรรมการฝึกอบรมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทย หลักสูตรระยะสั้น 60 ชั่วโมง 10 วัน จำนวน 4 รุ่น รุ่นละ 20 คน ซึ่งได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2562 และจะสิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ดำเนินการในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี พังงา อุทัยธานี และนครพนม กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ เป็นสตรีที่มีความสนใจและสมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทย จำนวนรวมทั้งสิ้น 80 คน เป็นการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของกรมการพัฒนาชุมชน กับ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ซึ่งเป็นแหล่งรวมวิทยาการทางการแพทย์การนวดแผนไทยที่เก่าแก่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทย วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ
ผมได้รับความเมตตาจากเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร จึงทำให้เกิดความร่วมมือโครงการส่งเสริมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทยดังกล่าวขึ้น ซึ่งหลังจากกรมฯ ได้เปิดกิจกรรมฝึกอบรมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทย ผ่านมา 2 สัปดาห์ มีข่าวดีว่า มีประกาศยกย่องให้นวดแผนไทย เป็นมรดกโลก รับรองจากยูเนสโก ซึ่งการอบรมฯ ที่จัดขึ้นครั้งนี้ เป็นการช่วยรักษามรดกโลก ภูมิปัญญาของมนุษย์ จะนำประโยชน์ไปสู่คนในชุมชน ได้มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีวิชาความรู้ในการดูแลแก้ไขเกี่ยวกับการปวดเมื่อย ดูแลทั้งตัวเองและคนในครอบครัว รวมถึงสามารถขยายผลวิชการความรู้ไปสู่บ้านหลังอื่น ๆ ในชุมชนได้ เมื่อเรียนครบจบสูตร (สำเร็จ) จะได้รับประกาศนียบัตร ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข สามารถเปิดร้านนวดได้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้มั่นใจได้ในความถูกต้อง เปิดบริการนวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้น จะช่วยให้พี่น้องประชาชนในชนบทสามารถดูแลครอบครัวได้ ท้ายที่สุดจะก่อเกิดเป็นรายได้อย่างยั่งยืน อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติม
นายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) กล่าวว่า ในนามของโรงเรียนฯ กระผมโชคดีที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน ในการส่งเสริมให้สตรีมีอาชีพ เพื่อการสร้างรายได้ในครอบครัว ซึ่งหลักสูตรการนวดของโรงเรียนฯ เป็นหลักสูตรที่มีมาอย่างยาวนาน เป็นต้นตำรับการนวดแผนไทยโบราณ อีกทั้ง การนวด เป็นการลงทุนที่นิยมที่สุด หากเปิดบริการนวดวันละ 2 – 3 คน ก็จะมีรายได้ 600 – 700 บาท จะทำให้ท่านสามารถดูแลครอบครัวได้ แก้ไขปัญหาสุขภาพได้เยอะเลย ท้ายนี้ ขอกราบขอบพระคุณท่านอธิบดีฯ ด้วยความจริงใจ ที่หยิบยื่นโอกาสให้กระผม และสิ่งที่ท่านอธิบดีฯ ได้บรรยาย ชี้แนะ อย่างละเอียดไปแล้วนั้น กระผมจะนำไปปรับปรุง เพื่อความถูกต้องและถูกใจผู้รับบริการ ต่อไป
“ในวันนี้ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสสร้างการรับรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมอาชีพสตรีด้านการนวดแผนไทย ภายใต้ความร่วมมือของกรมการพัฒนาชุมชนกับโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ให้ทราบอย่างทั่วถึงกัน ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ให้ความสนใจมาร่วมงานกับเราในวันนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ จะนำไปสู่การสร้างสร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจให้แก่สตรี เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทยต่อไป” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวทิ้งท้าย
สถานีข่าว พช. CNS รายงาน