วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.16 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีประทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ประจำปี 2562 ณ อาคารสุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ คณาจารย์ นิสิต บรรพชิตและคฤหัสน์ ถวายการต้อนรับ
สำหรับในปีนี้ สภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 10 รูป/คน ปริญญาดุษฎีบัณฑิต จำนวน 10 คน ปริญญามหาบัณฑิต จำนวน 95 รูป/คน และปริญญาบัณฑิต จำนวน 1,258 รูป/คน รวมทั้งสิ้น 1,363 รูป/คน
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของประเทศไทย แบ่งส่วนงานจัดการศึกษาเป็น 5 คณะ ได้แก่ คณะศาสนาและปรัชญา คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และบัณฑิตวิทยาลัย ได้ขยายการศึกษาไปในส่วนภูมิภาคต่าง ๆ รวม 7 วิทยาเขต 3 วิทยาลัย และได้สนองงานของคณะสงฆ์ธรรมยุตในการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในไพรัชประเทศ อีกทั้งได้ดำเนินการพัฒนางานด้านต่างๆ ตามแผนกลยุทธ์และพันธกิจอย่างเต็มความสามารถ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเลิศตามปรัชญาของมหาวิทยาลัย “ความเป็นเลิศทางวิชาการตามแนวพระพุทธศาสนา” สนับสนุนผู้สนใจศึกษาด้านพุทธศาสนาให้เข้าใจพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง มีองค์ความรู้ในการวิจัยและผลิตผลงานทางวิชาการให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อยกระดับการเผยแผ่พุทธศาสนาสู่ระดับนานาชาติ เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนาที่เป็นที่ยอมรับจนสามารถผลิตบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต ให้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โอกาสนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ความว่า “ทุกท่านที่สำเร็จการศึกษา ล้วนเป็นผู้ทรงศักดิ์ และสิทธิ์ แห่งปริญญาบัตรสมตามภูมิรู้ที่ตนมีจากการศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ดี การได้รับศักดิ์และสิทธิ์เช่นว่านี้ เป็นเพียงพันธสัญญาเบื้องต้น ของการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาจากการศึกษาในมหาวิทยาลัย ไปใช้ประกอบกิจการงาน ให้บังเกิดความเจริญก้าวหน้าแก่การพระศาสนา และชาติบ้านเมือง ขอบัณฑิตทั้งหลายอย่าประมาท หลงผิดคิดไปว่าเมื่อมีปริญญา แปลว่ามีความรู้มากพอแล้ว ก่อให้เกิดทิฐิมานะว่าเป็นคนเก่งหรือคนดีกว่าคนอื่น ความนึกคิดเช่นนี้จัดเป็นกิเลสอันร้ายกาจอย่างหนึ่ง ซึ่งจักนำพาความเสื่อมมาสู่ตนและสังคมส่วนรวม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพร่ำสอนย้ำเตือนพุทธบริษัททั้งหลายไว้ว่า “มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน” นั่นย่อมหมายถึงว่า สรรพวิชาความรู้ที่เราได้เล่าเรียนศึกษามาแล้ว หากไม่รู้จักเอาใจใส่ทบทวน และศึกษาเพิ่มเติม ในที่สุดก็ย่อมเป็นมลทิน และยังทรงสรุปความเป็นมลทินที่ร้ายแรงที่สุดไว้ว่า “มลทินที่ยิ่งกว่านั้นคือ อวิชชา เป็นมลทินอย่างยิ่ง” เพราะฉะนั้น จึงขอให้ทุกท่าน กวดขันตนเองให้มีความวิริยอุตสาหะในอันที่จะขวนขวายศึกษาเรียนรู้ในสรรพวิชชาอยู่เป็นนิตย์ เพื่อกำจัดอวิชชาให้เบาบางและหมดสิ้นไป บังเกิคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ เป็นความงอกงามไพบูลย์ทั้งทางโลกและทางธรรม สมปณิธานปรารถนาของบัณฑิตผู้ต่างมุ่งหวังความเจริญก้าวหน้าด้วยกันทุกรูป ทุกคน”
สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว