หนุ่มช่างสี วัย 30 ปี ขอเมตตาจัดงานศพให้แม่ในโครงการสวดเผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อมนครปฐม พร้อมขับเคลื่อนโครงการสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่มีความประสงค์เข้าในโครงการ ตามแนวทางที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาสได้ริเริ่มโครงการและตั้งเป้าหมายช่วยเหลือญาติโยมที่ประสบปัญหา พร้อมให้กำลังใจกับหนุ่มวัย 30 ปี ที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับมารดา มาพบอีกครั้งก็เป็นการรับแจ้งว่าหมดลมหายใจไปแล้วแต่ยังมีความกตัญญูกตเวทิตาพยายามเก็บเงินเพื่อจัดงานศพให้มารดาเป็นครั้งสุดท้าย และมาพบแสงสว่างที่วัดไผ่ล้อมนครปฐม ดำเนินการทุกอย่างโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อมนครปฐม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ได้จัดพิธีศพให้กับนางสาวดาหวัน ดำรงรักษ์ อายุ 48 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นการจัดพิธีในโครงการสวดเผาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านกองทุนหลวงพ่อพูล โดยหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งเป็นการสงเคราะห์ให้หลังจากนายอังกูร ดำรงรักษ์ อายุ 30 ปี ช่างทำสีรถยนต์ ชาวจังหวัดสมุทรสาคร หรือสามเณรอังกูร ซึ่งได้ขอทำหน้าที่ลูกให้กับผู้เป็นแม่เป็นครั้งสุดท้ายหลังจากที่แยกจากกันตัวแต่เมื่อ 18 ปีก่อน และไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย จนมาถึงเวลาต้องส่งร่างอันไร้วิญญาณกลับสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
นายอังกูร หรือ สามเณรอังกูร บอกว่าวันนี้เป็นการร่วมส่งดวงวิญญาณของนางสาวดาหวัน ผู้เป็นแม่เป็นครั้งสุดท้ายซึ่งได้เสียชีวิตมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลตากสิน กรุงเทพ แต่ด้วยความที่ไม่มีเงินเก็บจึงได้รับคำแนะนำให้นำร่างไปฝากไว้ที่สุสานในจังหวัดสระบุรีเพื่อรอให้ตนเองได้มีเวลาเก็บเงินในการจัดงานให้แม่ แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีเพื่อนรุ่นน้องมาบอกว่า ที่วัดไผ่ล้อมนครปฐม ได้มีโครงการสวดเผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จึงได้มาประสานกับหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งท่านก็รับปากที่จะช่วยเหลือและอนุเคราะห์ศพของแม่มาดำเนินการในวันนี้ ซึ่งตนเองก็ได้ขอให้ได้บวชเณรหน้าไฟ เพื่อเป็นการส่งบุญให้กับผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้ายและขอทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด
นายอังกูร เล่าว่า ตั้งแต่เด็กตนเองก็ไม่เคยรู้ว่าพ่อเป็นใคร ส่วนแม่ก็พึ่งมาเจอกันได้ไม่กี่ครั้ง จะมีที่อยู่อยู่ด้วยกันนานที่สุดก็ประมาณหนึ่งเดือน ในช่วงที่ตัวเองอายุประมาณ 12 ถึง 13 ปี จากนั้นแม่ก็ได้ส่งให้ไปอยู่กับยาย โดยมียายเป็นผู้เลี้ยงดูส่งเสียจนตัวเองได้มาสมัครงานเป็นช่างทำสีในอู่รถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม และมารู้อีกทีเมื่อน้าชายได้โทรมาบอกว่าแม่มีอาการป่วยหนักและได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตากสิน ตนเองจึงได้เดินทางไปดูศพและยังสับสนว่าจะหาค่าใช้จ่ายจากที่ไหนมาจัดงาน กระทั่งมาพบทางสว่างที่วัดไผ่ล้อมพระอรามหลวงนครปฐม จึงเป็นทางออกที่ตนเองใช้เวลาถึงสามเดือนและยังเก็บเงินไม่ได้ตามเป้าหมายแต่ก็ได้โอกาสในการจัดงานพิธีศพให้แม่อย่างสมบูรณ์แบบครบถ้วนตามประเพณี
” ผมไม่รู้อีกทีก็เมื่อตอนที่น้าชายโทรมาบอกแล้วก็ไม่ได้มีโอกาสได้พูดกับแม่อีกเลยเพราะมาถึงเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตผมยังมีน้องสาวร่วมท้องกับแม่อีกหนึ่งคน ไม่รู้จักชื่อจริงรู้เพียงชื่อเล่นว่าน้องแนน ซึ่งตอนนี้ก็ได้แยกจากกันไปตั้งแต่เด็กไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหนพยายามไปสืบค้นที่ทะเบียนราษฎร์ก็ไม่พบประวัติตอนนี้เค้าก็ไม่รู้หรอกว่าแม่ได้ตายจากพวกเราไปแล้ว วันนี้ผมได้บวชเณรได้ทำหน้าที่ครบทุกอย่างสิ่งที่เกิดมาได้ก็เป็นพระคุณและเมตตาของ หลวงพี่น้ำฝนทำให้เกิดวันนี้ได้ และต้องขอขอบพระคุณวัดไผ่ล้อมนครปฐม และหลวงพี่น้ำฝนท่านเจ้าอาวาส ที่เมตตาทำให้ผมผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปได้ และโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดีมากเหมาะสำหรับผมและคนรายได้น้อยที่ไม่มีเงินเก็บผมที่จะสามารถส่งดวงวิญญาณของผู้ผู้มีพระคุณให้ไปสู่สุคติโดยไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียวโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก” นายอังกูร กล่าวปิดท้าย
ขณะที่หลังจาก ที่นายอังกูรได้นำร่างแม่เข้าสู่เตาเผาจึงได้เตรียมลาสึกจากสามเณร และได้เข้าไปกราบขอบพระคุณในเมตตาของหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งได้ให้ข้อคิด กำลังใจและให้แนวทางสำหรับความกตัญญูที่มีให้เป็นพลังในการดำเนินชีวิตต่อไปและถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สังคมไทยยังมีมีลูกที่แม้แต่จะใช้ชีวิตกับแม่ไม่ถึงสองเดือนตั้งแต่เด็กแต่ก็ยังรู้บุญคุณของผู้ให้กำเนิดนี่คือสิ่งที่เป็นความสำคัญในสังคมไทยของเรื่องความกตัญญูกตเวทิตา ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนยังให้แนวทางว่าเป็นแนวทางเดียวกับที่ได้ถือปฏิบัติเนื่องจากโครงการสวดเผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นงานสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่ไม่มีความพร้อมและขัดสนในเรื่องรายได้และรายจ่าย ตามรอยเผด็จพระคุณหลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นครูบาอาจารย์ซึ่งท่านได้ริเริ่มโครงการนี้ให้กับญาติโยมมาตั้งแต่ครั้งที่เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนก็ได้สืบสานโครงการนี้อย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุดไม่ได้มีการปฏิเสธและรับผู้ยากไร้เข้าสู่โครงการทุกรายหากเข้าเกณฑ์กำหนดตามที่ได้มีหลักเกณฑ์ไว้ และพร้อมขับเคลื่อนให้วัดไผ่ล้อมนครปฐม เป็นวัดแห่งการช่วยเหลือญาติโยมที่ไร้หนทางและเป็นของชาวบ้านโดยแท้จริงสืบไป