วันที่ 9 มีนาคม 2566 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมคณะ ลงพื้นที่เปิดงานรณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง ภายใต้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กิจกรรมหลักสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยมี นายกองเอก พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่อำเภอต่างๆ ร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักทั้งในด้านการบริโภคและการส่งออกของประเทศไทย อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ มีพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งที่ผ่านมาพื้นที่ทำนาประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งอุทกภัย ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการระบาดของโรคและแมลง ทำให้ผลผลิตเสียหายเป็นจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตข้าวสูงขึ้น ประกอบกับราคาที่เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตข้าวมีความผันผวน ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว การลดต้นทุนผลิตข้าว การเพิ่มผลผลิต และยกระดับคุณภาพ ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวพัฒนาการผลิตข้าวให้มีความรู้ความเข้าใจ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีลดตันทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิตและผลตอบแทนจากการผลิต ตลอดจนเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาข้าวลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ ต่อไป
โอกาสนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พบปะกับเกษตรกรและประชาชน พร้อมกล่าวถึงนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับตลาดนำการผลิต จึงสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ เพื่อให้สามารถควบคุมผลผลิตและราคาได้ สร้างประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร คือ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรเรียนรู้และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบร่วมกันตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานผลผลิต ซึ่งเกษตรกรสามารถกำหนดชนิดผลผลิตตามความต้องการของตลาดได้ และภาครัฐสามารถช่วยกำหนดตลาดล่วงหน้าให้ได้ อีกทั้งเพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และใช้การตลาดสมัยใหม่ เป็นการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรรายย่อย ทั้งด้านการผลิตและการจำหน่าย การรวมกลุ่มกันจะสร้างอำนาจต่อรองให้เกษตรกร โดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การเอาเปรียบจากคู่ค้าใดๆ และมีโอกาสในการขยายตลาดไปช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงตลาดต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ข้าวคุณภาพดีส่วนหนึ่งจะต้องมาจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการทำนา ในขณะที่เราต้องการผลิตข้าวคุณภาพดีให้ได้ปริมาณมากเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศมากเท่าใด เราก็ต้องการปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาตรฐานปริมาณมากตามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่ทอดทิ้งเกษตรรายย่อย พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยจะดูแลพี่น้องเกษตรกรให้เหมือนเป็นคนในครอบครัว และต้องเอาที่น้องเกษตรกรเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยเช่นกัน เพราะปัญหาจะสามารถพูดคุยและแก้ไขได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้
ที่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง หากเกษตรกรมั่นคงและมั่งคั่ง จะทำให้เศรษฐกิจมีการหมุนเวียน และทำให้ประเทศชาติมั่นคงตามไปด้วย
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แก่เกษตรกร จำนวน 21 ราย อีกทั้งมอบสัญญาเช่าที่ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครปฐมหรือที่ดินพระราชทาน จำนวน 5 ราย มอบสินเชื่อกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจำนวน 4 ราย และมอบจุลินทรีย์ ปม.1 และพันธุ์ปลาสำหรับเกษตรกร จำนวน 10 รายนอกจากนี้ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตลอดจนเครือข่ายภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อีกด้วย
*****************************************************
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว