วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผู้บริหารสำนักศิลปวัฒนธรรมคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา และนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ต่างร้อยรวมดวงใจเป็นหนึ่ง เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติของไทย และวันพ่อแห่งชาติ ณ หอประชุมปิ่นเกลียว มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
ดร.วิรัตน์ กล่าวน้อมรำลึกใจความว่า “ตลอดระยะที่ผ่านมา ปวงพสกนิกรชาวไทยต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ และจดจารึกไว้ในดวงใจอย่างมิเสื่อมคลาย 70 ปีแห่งการครองราชย์ เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ปวงชนชาวไทยว่า ทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎร์ สร้างความผาสุก ร่มเย็นให้แก่ชาติบ้านเมือง ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน พ่อที่ทรงห่วงใย ใส่พระทัยลูกกว่า 65 ล้านคน อย่างไม่เคยแสดงความเหน็ดเหนื่อยและท้อถอยให้พสกนิกรของพระองค์ได้เห็นเลยสักครั้ง ทรงพระราชทานความรัก ความเอื้ออาทร ห่วงใยแก่ราษฎร ทรงช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาด้านต่าง ๆ โดยถ้วนหน้า เมล็ดพันธุ์การพัฒนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายพันโครงการ ยังคงเจริญงอกงาม ผลิดอกออกผลทั่วสารทิศ หล่อเลี้ยงทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินไทย พระองค์สถิตย์อยู่ในใจตราบนิรันดร์
หลักในการดำเนินชีวิต ทั้งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ทุกฝ่ายยึดถือปฏิบัติ ทั้งเป็นแนวทางสำคัญที่เป็นภูมิคุ้มกันได้พสกนิกรสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลกปัจจุบัน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น พระองค์จึงสถิตอยู่ในดวงใจของทวยราษฎร์ตลอดมา ทรงเป็นประดุจดวงประทีปส่องชีวิตผองพสกนิกรทั่วหล้า ก่อเกิดความสมานฉันท์ นำมาซึ่งความเป็นปึกแผ่นของชาติไทย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักขอสืบสานพระราชปฏิธานด้วยความจงรักภักดี และจักมุ่งมั่นเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาและสรรค์สร้างสังคมไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป”