16 ธันวาคม 2564: เอไอเอส ประกาศย้ำจุดยืนการเป็น Digital Life Service Provider ที่เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่องสู่ปีที่32 ยืนยันสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทุกภาคส่วน เสริมความแข็งแกร่ง และยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดตัวโครงข่ายอัจฉริยะ AIS Fibre รายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่ทำความเร็วเน็ตบ้านได้ถึง 2 Gbps ตอบสนองความต้องการจากวิถีชีวิตยุค NEW NORMAL รวมถึงเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมสูงสุด เดินหน้าสร้างนวัตกรรมพาไทยสู่ที่ 1 โลก ต่อเนื่อง
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ก้าวสู่ปีที่ 32 ของการให้บริการ เราไม่เคยเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ในฐานะ Digital Life Service Provider ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อประเทศ พร้อมส่งต่อความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วนว่า โครงข่ายและบริการ Digital จากเราจะยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และช่วยสนับสนุน ยกระดับวิถีชีวิตประชาชน และรูปแบบการบริหารจัดการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่ โดยตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ผ่านมาได้ใช้งบประมาณเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมประเทศไปแล้ว กว่าล้านล้านบาท แบ่งเป็นส่งมอบเงินให้ประเทศ 523,000 ล้านบาท และลงทุนเครือข่ายและใบอนุญาตกว่า481,000 ล้านบาท”
“อย่างไรก็ตามภายใต้บริบทของโลกใหม่ ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวเพื่อให้มีความพร้อมก็เป็นสิ่งที่เราได้เตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การประกาศเคลื่อนตัวจาก Telecom Operator สู่ Digital Life Service Provider เมื่อ 6 ปีก่อน และล่าสุดยกระดับสู่ Cognitive Telco (ค็อกนิทิฟ เทลโค่) ที่นอกจากจะ มุ่งมั่นกับ3 เป้าหมายหลัก คือ 1. เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุดเสมอจากธุรกิจไร้สายปัจจุบัน 2. ต่อยอดกลไกแห่งการเติบโตผ่านธุรกิจเน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร 3. ลงทุนในธุรกิจดิจิทัลเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตแล้ว การที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคตในฐานะ Cognitive Telco จะต้องไม่หยุดเพิ่มพูน ปรับประยุกต์ ผสมผสาน องค์ความรู้เดิมจากประสบการณ์ในฐานะผู้ให้บริการอันดับ 1 เข้ากับนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก เพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์รูปแบบใหม่อย่างสอดคล้องกับ New Normal ของโลกนี้ให้แก่คนไทยอย่างดีที่สุด ดังเช่นล่าสุดกับการเดินหน้ายกระดับโครงข่ายไฟเบอร์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของ Digital Infrastructure สู่ 2 Gbps เป็นรายแรกของไทย เช่นเดียวกับ การพัฒนานวัตกรรมโครงข่าย 5G จนปัจจุบันครอบคลุมสูงสุด อันถือเป็นการปฏิบัติตามพันธกิจในฐานะผู้รับใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ ที่จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อคนไทยเสมอ”
ในขณะที่ นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS อธิบายเกี่ยวกับทิศทางของการพัฒนาเน็ตเวิร์คเพื่อคนไทยต่อไปอีกว่า“AIS เป็นรายแรกที่ประกาศเปิดตัวการให้บริการ 5G หลังจากที่เราได้รับใบอนุญาตเพียงไม่กี่วันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ จนถึงปัจจุบัน AIS 5G ให้บริการแล้วด้วยความครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% ในเขตกรุงเทพฯ ครอบคลุม 100% ในพื้นที่ EEC เพื่อมอบประโยชน์ให้กับคนไทยและประเทศชาติ โดยไม่เคยหยุดนำนวัตกรรมมายกระดับโครงข่ายด้วยเทคโนโลยีล่าสุดระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น mmWave ด้วยความเร็วถึงระดับ 4 กิกะบิทต่อวินาที และ 5G CA ครั้งแรกของโลก รวมถึง Voice over 5G New Radio (VoNR) ให้โทรชัดใสได้บนเครือข่าย 5G SA รายแรกในไทย รวมไปถึงประสบการณ์ใช้งานในด้านอื่นๆ ทั้งความครอบคลุม, ความเร็ว, การเชื่อมต่อกับ IoT Device ตลอดจนอัตรา latency ที่เราโฟกัสเพื่อรักษาคุณภาพที่เป็นเลิศอยู่ตลอดเวลา”
“ซึ่งแน่นอน AIS 5G ต้องสามารถเสริมศักยภาพให้แก่ภาคอุตสาหกรรมได้อย่างดีด้วยเช่นกัน เพื่อให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับนานาชาติโดยที่ผ่านมา ได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้วันนี้เริ่มมีการนำเครือข่าย 5G Private Network มาให้บริการจริงแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากจะสามารถสร้าง Business Process รูปแบบใหม่ๆ หรือ ช่วยการทำ Digital Transformation ในองค์กรแล้ว ยังช่วยสร้างโอกาสในการลดค่าใช้จ่ายและข้อได้เปรียบเกี่ยวกับอัตราภาษีให้แก่บางอุตสาหกรรมอีกด้วย”
ทางด้าน นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “การเข้าสู่ธุรกิจเน็ตบ้านของ AIS เมื่อ 6 ปีที่แล้วได้สร้างปรากฎการณ์ซึ่งพลิกโฉมของตลาดเน็ตบ้านไปอย่างสิ้นเชิงให้เน้นที่คุณภาพและนวัตกรรม จากการเปิดตัวอินเทอร์เน็ตบ้าน ความเร็วสูงสุด 1 Gbps รายแรกและรายเดียวที่ให้บริการไฟเบอร์แท้100% พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของการแข่งขันที่มุ่งไปที่คุณภาพและประสบการณ์การใช้งานมากกว่าแข่งกันที่ราคา ซึ่งไม่เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน โดยนวัตกรรมของ AIS Fibre ที่คิดนำ ทำก่อน เพื่อลูกค้า อาทิ Mesh WiFi Solution, บริการSpeed Toggle, แพ็กเกจ BYOD และล่าสุดที่พวกเรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง คือสามารถพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ต้อง Work From Home, Learn From Home, Play From Home พร้อมกันด้วยความเร็วแรงระดับ2 Gbps ส่งตรงสู่บ้านลูกค้าได้อย่างเต็มสปีดก่อนใคร
จากศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะ Smart Network รวมกับความล้ำหน้าของ Smart CPE Lab และ Smart Service Monitoring ที่ได้นำความรู้ความสามารถของชาว AIS Fibre ในการผสมผสานเทคโนโลยีหลากหลาย อาทิ AI,ML,Robotic,ฯลฯ ให้เกิดความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และเทรนด์การใช้งานในอนาคต พร้อมๆการผนึกกำลังพันธมิตรระดับโลก ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ High Speed Optical Converter(2.5 Gbps) ส่งความเร็วจากเน็ตเวิร์ค AIS Fibre ระดับ 2 Gbps สู่บ้านลูกค้าได้อย่างเต็มสปีด พร้อมกับนำ Device Brand name รุ่น Top ที่รองรับการใช้งานถึง 2Gpbs อย่างLinksys เข้ามาติดตั้งเป็นครั้งแรกในไทย เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้รับประสบการณ์คุณภาพจากแพ็คเกจนี้ได้อย่างดีที่สุด โดยแพ็คเกจ 2 Gbps มาในราคาเริ่มต้นที่ 1,299 บาทเท่านั้น
รวมถึงงานบริการที่ดีเยี่ยมที่ยกระดับมาตรฐานบริการใน 24 ชั่วโมง AIS Fibre ได้ริเริ่มและเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่กล้าการันตีในเรื่องนี้ ด้วยการให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าในเรื่องของการติดตั้งที่รวดเร็ว การแก้ปัญหาภายใน 24 ชม. และความตรงต่อเวลาในการให้บริการ ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักของตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดเหนือตลาดมาตั้งแต่ปีแรกที่เข้าสู่ตลาด ถึงวันนี้ เราสามารถวางโครงข่ายไฟเบอร์ให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.5 ล้านครัวเรือนในกรุงเทพฯและปริมณฑลและรวมกว่า 8 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยแล้วกว่า 1.7 ล้านราย ท้ายที่สุดเรายังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพของการใช้งานควบคู่ไปกับการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าและคนไทย”
นายสมชัย กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า “เราเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อมอบประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน ดังนั้นทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในระดับประเทศ หรือ ระดับโลก ล้วนทำให้พนักงานเกิดการเรียนรู้และปรับตัว รับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างดี โดยเป้าหมายของการก้าวสู่ Cognitive Telco เป็นสิ่งยืนยันว่าองค์ความรู้ และ ประสบการณ์ จะถูกนำมาหลอมรวมเพื่อลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างเต็มที่ เพื่อตอกย้ำว่า การเลือกอยู่กับเอไอเอสดีที่สุดเสมอ”