เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เกือบตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับเราทุกคน ทั้งพระทั้งโยม เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งลากยาวข้ามปีมา แถมยังทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงกลางปี จนบัดนี้ค่อยทุเลาลงไปบ้าง พร้อมกับยอดการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เสมือนการเปิดประตูรับเงินรับทองมาสู่บ้านเมือง
วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ก็นับได้ว่าได้ผ่านสถานการณ์มาพร้อม ๆ กับชาวไทยทุกคนเมื่อผู้คนไม่ออกไปไหน ต่างอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ศรัทธาสาธุชนที่เคยหลั่งไหลมาก็มาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การบุญของวัดก็ไม่เคยหยุด วัดไผ่ล้อมเปิดเป็นส่วนขยายของโรงพยาบาลนครปฐมซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ถือว่าช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ มีผู้ใช้บริการต่อวันจำนวนมากส่วนขยายที่วัดไผ่ล้อมนี้เป็นศูนย์ให้บริการตรวจร่างกายเบื้องต้น อย่างการเจาะเลือดวัดความดันโลหิต เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ มีผู้มารับบริการต่อวัน 500-600 คนถือว่าช่วยได้มาก
นอกจากนี้ อาตมายังนำปัจจัยจากศรัทธาของญาติโยมทุกสารทิศที่หลั่งไหลมารวมกันในกองทุนหลวงพ่อพูล จัดซื้อเตียงผู้ป่วย และเครื่องช่วยหายใจให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศ ถือเป็นบุญใหญ่ที่ได้ต่อชีวิตคน เพราะการมีชีวิตต่อแม้วันเดียวก็อาจมีคุณค่าเหลือหลายนัก
ในอีกส่วนหนึ่ง เมรุวัดไผ่ล้อมก็เป็นปลายทางสุดท้ายของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19
กว่า 216 ร่างที่มีเมรุวัดไผ่ล้อมเป็นปลายทางสุดท้าย เมรุวัดไผ่ล้อมได้ช่วยสงเคราะห์ผู้สูญเสียด้วยการจัดพิธีศพอย่างสังเขปก่อนนำร่างไปฌาปนกิจ ทั้งหมดนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข นับตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ โดยมีแรงศรัทธาของสาธุชนคนใจบุญทุกท่านที่สมทบทุนในกองทุนสวด เผา ฟรี ของทางวัดเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการบุญของทางวัด ให้เกิดเป็นประโยชน์ไปอย่างไพศาลแก่สังคม
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข มีเจตนารมณ์อย่างไรครั้งยังมีชีวิตอยู่ วัดไผ่ล้อมในวันนี้แม้ไม่มีหลวงพ่อพูลแล้ว ก็ยังคงสืบสานเจตนารมณ์ของหลวงพ่อพูล นั่นคือการทำให้วัดเป็นที่พึ่งของผู้คน ทั้งทางกาย และทางจิตใจ ในระยะหนึ่งปีที่ผ่านมา วัดไผ่ล้อมมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้คน ทั้งแก่คนเป็น และคนตาย และด้วยแรงศรัทธาสาธุชนจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งใกล้ไกล จะมากน้อย ก็ล้วนทำให้เจตนารมณ์ของหลวงพ่อพูลเป็นผลสำเร็จ อาตมาจึงขออนุโมทนาในการบุญของทุกท่านด้วยใจจริง
เมื่อกล่าวถึงงานนอกไปแล้ว ก็ต้องกล่าวถึงงานในวัดด้วย บัดนี้วัดไผ่ล้อมมีวิหารทองอร่ามสองหลังเคียงกันอันงามสง่า หลังหนึ่งคือพระพุทธเมตตาประทานพรองค์ใหญ่ประดิษฐานในวิหารทองระยิบระยับประดุจประทับอยู่ในเรือนแก้ว อีกหลังหนึ่ง คือวิหารหลวงพ่อพูล เป็นวิหารทองเช่นกัน เป็นที่ประดิษฐานสรีระสังขารพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลในโลงแก้ว เป็นที่สักการบูชา โลงแก้วนั้นประคองไว้โดยรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลขนาดใหญ่ ซึ่งนั่งอยู่บนหลังหนุมาน เป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูกตเวทีของศิษยานุศิษย์ที่มีต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล วิหารแห่งนี้มีความงามสง่าสมแก่ฐานะของหลวงพ่อพูล เมื่อร่างของหลวงพ่อพูลขึ้นประดิษฐานเข้าที่ในโลงแก้วนั้นแล้ว อาตมาในฐานะศิษย์มาแต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ปลื้มปริ่มใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นวิหารสองหลังเคียงกัน อาตมาก็ภูมิใจที่อาตมาได้สรรสร้างเป็นสมบัติวัดไผ่ล้อมที่อยู่คู่พระพุทธศาสนาสืบไปอีกนานเท่านาน ความภูมิใจนี้จะเกิดขึ้นมิได้เลยหากปราศจากแรงศรัทธาสาธุชนอีกเช่นกันที่แปรเปลี่ยนเป็นอิฐ เป็นปูน เป็นองค์พระ เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา เพื่อให้คงอยู่ชั่วกาลนาน
แต่งานวิหารหลวงพ่อพูลนั้นจะกล่าวว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ไม่ได้ เพราะยังเหลืออีกส่วนหนึ่ง หากแต่เป็นส่วนสำคัญยิ่ง เนื่องจากที่ผนังหลังองค์หลวงพ่อพูล มีประติมากรรมนูนต่ำเป็นรูปมหาเทพ เทวดา ครูบาอาจารย์ประทับในวิมาน ดุจเป็นสรวงสวรรค์แห่งมหาเทพ และเบื้องบนสุดของผนัง เหนือเทพยดาทั้งปวงเป็นมณฑป เป็นวิมานเรือนแก้วอาตมาตั้งใจจะสร้างพระพุทธรูปขนาดย่อมประดิษฐานในมณฑปนั้น เป็นประธานแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงในวิหารแห่งนี้ โดยอาตมาประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปเนื้อทองคำปางเปิดโลก หล่อด้วยทองคำหนัก 99 บาท บัดนี้ได้ร่างแบบองค์พระพุทธรูปเป็นพระพุทธรูปสูง 25 เซนติเมตร ทรงเครื่องจักรพรรดิราช ปางเปิดโลก กล่าวคือ เป็นพระพุทธรูปยืนบนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย หงายพระหัตถ์ออกไปข้างหน้าทั้งสองข้าง เป็นการเปิดโลก
ปางเปิดโลก หรือพระเจ้าเปิดโลก เป็นพระพุทธรูปปางที่แสดงความตอนหนึ่งในพุทธประวัติ ว่าด้วยโลกวิวรณปาฏิหาริย์ ครั้งนั้นพระพุทธองค์จำพรรษาบนดาวดึงส์เทวโลกประทับแสดงธรรมแด่พระพุทธมารดา เมื่อครบพรรษาแล้วก็เสด็จลงสู่โลกมนุษย์ ณเมืองสังกัสสนคร ครั้งนั้นทรงลงมาด้วยบันไดแก้ว ทอง เงิน อันพระอินทร์เนรมิตขึ้น เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ทรงกระทำโลกวิวรณปาฏิหาริย์ ให้โลกทั้งสาม ตั้งแต่สวรรค์ โลกมนุษย์ ไปจนถึงอเวจีมหานรกอันลึกเป็นหนักหนาเห็นกัน ชาวสวรรค์ไม่ต้องก้ม ชาวโลกไม่ต้องแหงน ชาวนรกไม่ต้องเงย เห็นถึงกันได้ทั้งหมด ให้ได้ประจักษ์แจ้งว่า สวรรค์มีจริง นรกมีจริง ภพภูมิมีจริง และกรรมอันเป็นเหตุให้ไปยังภพภูมิต่าง ๆ นั้นก็มีจริง ชาวโลกที่ทราบข่าวการเสด็จกลับ ต่างพากันมาเฝ้ารับเสด็จกันมากมาย และพากันมาตักบาตรถวายพระพุทธองค์เป็นการใหญ่ในวันรุ่งขึ้น เป็นที่มาของการตักบาตรเทโวนั่นเอง และพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดินั้น เป็นการแสดงบุญญาธิการของพระองค์ว่าเสมอด้วยพระจักรพรรดิราช ผู้ครองสามโลก ครองสิบทิศ พระพุทธองค์ทรงมีพระบารมีแผ่ไปทั้งเบื้องบน และเบื้องล่าง และแผ่รัศมีไปในทั่วทิศานุทิศ ทรงเปิดโลกทั้งสามให้ถึงเห็นกันได้ จึงทรงเป็นดังพระจักรพรรดิราชในทางโลกุตตระ
ผู้ใดอยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้เข้าถึงพระพุทธองค์แล้ว ย่อมเห็นสวรรค์ เห็นนรกเห็นทางเกษม ดุจพระเจ้าเปิดโลกให้เห็นความจริง
เมื่อศิษยานุศิษย์หลายคนได้ทราบความประสงค์ของอาตมา ก็ต่างพากันสมทบปัจจัยร่วมกันเป็นเจ้าภาพทองคำ ก่อร่างสร้างองค์พระพุทธรูปขึ้น โดยคาดว่าการหล่อองค์พระจะเริ่มได้ในเดือนธันวาคมนี้ เมื่อได้ทองคำครบจำนวนแล้ว ก่อนจะนำขึ้นประดิษฐานยังมณฑปต่อไป จึงขอแจ้งข่าวสารงานบุญนี้ให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน
การสร้างพระพุทธรูป เป็นบุญอันใหญ่ยิ่งนัก แม้มีส่วนร่วมเพียงน้อยก็นับว่าเป็นบุญใหญ่ เพราะเป็นการสร้างสิ่งที่ระลึกถึงพระพุทธองค์ เป็นที่รวมของศรัทธา เป็นที่รวมแห่งความดีงามทั้งปวง เป็นสมบัติคู่พระพุทธศาสนาสืบไป แม้พุทธศาสนายุกาลบนแผ่นดินนี้ หรือโลกนี้อาจจะต้องสิ้นไปในอนาคต แต่พระพุทธรูปยังคงอยู่เพื่อบอกให้โลกรู้ว่า โลกนี้มีพุทธศาสนา โลกนี้มีพุทธธรรม จึงมีอานิสงส์มากนัก ขอเจริญพร