เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาขอเจริญพรแจ้งข่าวสารงานกิจกรรมของทางวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม โดยจุดไฟในใจคนฉบับที่ก่อนหน้านี้ อาตมาแจ้งว่าอาตมาได้ทำพิธีบวงสรวงเพื่อติดตั้งจัดสร้างเตาเผาศพใหม่ อาตมาขอแจ้งสถานการณ์ของทางวัดว่า เตาเผาศพของฌาปนสถานวัดไผ่ล้อมก็เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ เนื่องจากเกิดการชำรุดจนยอดเมรุและปล่องควันเริ่มแตกร้าวจากการเร่งเผาศพจากผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเร่งด่วนต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมา ทำให้ทางวัดต้องปิดเมรุหลัก หยุดการใช้งานเมรุหลักไปก่อน ในขณะเดียวกันอาตมาก็เร่งให้ติดตั้งเตาสำรองเพื่อใช้เผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องรอไม่ได้ ซึ่งนับเป็นกุศลอันดีที่มีผู้มีจิตศรัทธาเข้ามาช่วยเหลือจัดหาเตาสำรองพร้อมเร่งซ่อม–จัดสร้างเตาใหม่ทันที
นายชาญณรงค์ ใช้บางยาง กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามเอ็นจิเนียร์ริ่ง แอนด์เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ตนเองได้เห็นวัดไผ่ล้อมมีการดำเนินการในรับเผาศพผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มานานหลังจากทราบข่าวว่ามีเตาแรกร้าวและชำรุดได้ประสานในการรับซ่อมและสร้างเตาชุดใหม่ให้ทันที โดยได้นำเตาเผาแบบชั่วคราวมูลค่า 1 ล้านบาทเศษซึ่งเป็นต้นแบบที่เป็นเตานวัตกรรมใหม่ มาตั้งให้สามารถใช้งานในการเผาศพได้ต่อเนื่องซึ่งเป็นเตาที่มีเทคโนโลยีใหม่ เผาศพได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงและใช้น้ำมันเพียง 40 ลิตร ซึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญมาจากเยอรมันทั้งหมด และเตาเผาชั่วคราวนี้สามารถเผาได้ถึง 5,000-6,000 ศพ โดยยังไม่ต้องมีการซ่อมบำรุงใหญ่และการเผาศพจะทำได้ต่อเนื่อง 4 ศพต่อวันด้วย”
ในตอนนี้ทางวัดไผ่ล้อมก็เปิดเตาใหม่ เริ่มใช้เตาสำรองคุณภาพสูงแล้ว ซึ่งการเผาศพจะทำได้รวดเร็วมากขึ้นเป็น 4 ศพได้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. 11.00 น. 14.00 น.และศพสุดท้ายเวลา 17.00 น. โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อ 1 ศพ หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะมีการเผาเพิ่มเติมในส่วนของช่วงค่ำได้อีก ซึ่งตอนนี้การจัดการได้พร้อมรับทุกสถานการณ์แล้ว โดยการซ่อมบำรุงเตาเผาที่เสียไป หากเสร็จสิ้นแล้วฌาปนสถานวัดไผ่ล้อมจะมีเตาเผาแบบคู่ ภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน การดำเนินการน่าจะเรียบร้อย เราก็จะมีเตาเผาคู่ ที่จะสามารถเผาศพได้วันละ 8 ศพโดยไม่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์เตาเผาด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินการของฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม การเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ของทางวัดในทุกขั้นตอนตั้งแต่นำร่างเข้ามาจนถึงเก็บอัฐิคืนญาตินั้น เป็นการดำเนินการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยใช้งบจากกองทุนสวด เผา ฟรี ของทางวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม เพื่อสงเคราะห์ญาติโยม สงเคราะห์ผู้ที่จากไป แม้ด่วนจากไปด้วยโรคร้าย แต่ก็ยังได้จัดพิธีกรรมอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งเป็นความตั้งใจของอาตมาตั้งแต่ต้นนับแต่มีผู้เสียชีวิตรายแรก ๆ
จากเรื่องข่าวสารงานบุญเกี่ยวกับเตาเผาศพ อาตมาก็จะขอกล่าวถึงเทศกาลที่เกี่ยวกับผู้ล่วงลับซึ่งกำลังจะมาถึง
ในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนกันยายน ไปจนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ก็จะเป็นเทศกาลสารทไทย ภาคใต้จะจัดยาวหน่อย คือตั้งแต่กลางเดือนกันยายน วันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เป็นการเริ่มต้นประเพณีสารทเดือนสิบ เรื่อยไปจนถึงวันสารทไทย คือ วันแรม15 ค่ำเดือน 10 ปีนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม บางภูมิภาคอาจจะจัดต่างออกไป เช่นทางอีสานทำบุญข้าวประดับดิน ทำเร็วกว่าภาคอื่นเดือนหนึ่ง คือทำในเดือนเก้า แต่ไม่ว่าจะจัดเดือนไหน อย่างไร จุดประสงค์ของการจัดพิธีสารทของคนไทยก็คือการอุทิศบุญกุศลให้แก่บรรพชนที่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม ก็จะได้มาเยี่ยมลูกหลาน ได้รับเอาส่วนกุศลโดยทั่วกัน อาหารสำคัญสำหรับเทศกาลนี้ก็คือ กระยาสารท ว่ากันว่าเมนูนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยในอินเดียเขาใช้ข้าว น้ำตาล น้ำนม หุงรวมกัน ฟังดูก็คล้ายข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาถวายพระพุทธองค์ก่อนจะตรัสรู้ ส่วนกระยาสารทในเมืองไทยเรานั้น เขาเอาข้าวเหนียวทั้งเปลือก ข้าวตอก ข้าวเม่า ถั่วลิสง งา คั่วให้ร้อนแล้วจึงนำไปผสมรวมกันกับน้ำอ้อย กะทิ จนเป็นปึกเป็นแผ่น ได้เป็นกระยาสารทนำไปถวายพระ ให้ฉันพร้อมกับกล้วยแขกก็จะได้รสชาติดี ถ้าเป็นกระยาสารทของหลวงแต่โบราณ เรียกว่าข้าวทิพย์ ส่วนผสมก็จะมีมากขึ้น เช่น ผลไม้ชนิดต่าง ๆ กวนเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน
การทำกระยาสารทนั้นถือเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยว เพราะหลังจากฤดูเพาะปลูกได้ผ่านไป ราวเดือนสิบ ข้าว ธัญญาหารต่าง ๆ ก็จะเริ่มออกรวง โบราณก็จะนำผลผลิตแรกที่ได้ในปีนั้นไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือถวายพระพุทธเจ้า พระสงฆ์เจ้า เทพเจ้าหรือบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว กระยาสารทจึงเป็นอาหารแห่งความกตัญญู เป็นความกตัญญูที่แสดงออกอย่างประณีต เพราะการทำกระยาสารทมิใช่ของง่าย ต้องใช้ความพิถีพิถัน แต่ถ้าทำได้ก็เป็นอาหารที่อร่อย สมควรแก่การเป็นเครื่องบูชาบรรพชน
ในเทศกาลสารทไทยที่กำลังจะมาถึงนี้ ยุคนี้เราอาจจะไม่ได้ทำสารทไทยแพร่หลายเหมือนแต่ก่อน แต่อาตมาก็อยากให้ใช้โอกาสสารทไทยที่จะมาถึงนี้ ให้ทุกคนได้ระลึกถึงบรรพบุรุษของตน อันที่จริงแล้ว ระลึกถึงบรรพบุรุษ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ผู้มีพระคุณของเราที่ได้ล่วงลับไปแล้วได้ทุกวันนั้นเป็นเรื่องที่ดี อาตมาก็อยากให้ทุกคนระลึกเช่นนี้เพราะจะทำให้เราไม่ลืมตัวของเรา แต่ในโอกาสสารทไทยที่จะมาถึง อย่างน้อยก็ขอให้ได้อุทิศส่วนบุญกุศลที่ทำมาในปีนี้แด่บรรพชนผู้มีพระคุณของเราที่จากไปแล้ว จะเป็นอานิสงส์แก่ตนเอง
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ความกตัญญูนั้นแสดงได้แม้ผู้มีพระคุณจะยังอยู่หรือจากไปแล้ว ยิ่งระลึกถึงก็ยิ่งได้อานิสงส์แก่ตนเอง ยิ่งกระทำกตเวทีคือตอบแทนท่านก็ยิ่งได้ กตเวทีครั้งยังมีชีวิตก็ทำได้ กตเวทีครั้งท่านจากไปก็ทำได้ ก็คือการทำบุญอุทิศให้ท่านนั่นเอง ขอให้ทุกคนระลึกไว้เสมอ แล้วความสวัสดีมีมงคลจะเกิดขึ้นแก่ญาติโยมทุกคน ถ้าอยากโชคดี โชคดี โชคดี ก็อย่าลืมสิ่งนี้ ขอเจริญพร